มาตรฐานไอเอสโอกับวันอนามัยโลก

world-health-day2020

องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ได้กำหนดให้วันที่ 7 เมษายนของทุกปี เป็นวันอนามัยโลก (World Health Day) เพื่อรณรงค์ให้พลเมืองโลกและภาคีเครือข่ายตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพ และได้รับการส่งเสริมด้านสุขภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ซึ่งในปี 2563 นี้ องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ปี 2563 เป็นปีแห่ง “การสนับสนุนพยาบาลและผดุงครรภ์” (Support Nurses and Midwives)

จากเหตุการณ์ปกติทั่วไป นอกเหนือจากแพทย์แล้ว พยาบาลและผดุงครรภ์เป็นบุคลากรอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำงานด้านสาธารณสุขอยู่ในแนวหน้าในการดูแลผู้ป่วย ไม่ใช่แค่ช่วงที่เกิดโรคระบาดอย่างไวรัสโคโรนา หรือ Covid-19 เท่านั้น ผู้ป่วยยังต้องการบริการทางการแพทย์ในด้านอื่นรวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพและการดูแลครรภ์ก่อนและหลังคลอด และการที่บุคลากรเหล่านี้จะทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อให้การทำงานครอบคลุมถึงการสาธารณสุขระดับสากล

ไอเอสโอมีมาตรฐานสากลที่จะช่วยสนับสนุนแนวคิดขององค์การอนามัยโลกในการให้การศึกษาพยาบาลและผดุงครรภ์ผ่านทางมาตรฐานสากลซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำและจะส่งผลในเชิงเศรษฐกิจด้วย

การที่พยาบาลและผดุงครรภ์สามารถทำงานจะงานได้อย่างเต็มศักยภาพนั้น จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเรื่องสาธารณสุข การส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศ และการสนับสนุนความแข็งแกร่งทางการเงินของเศรษฐกิจ

ในขณะที่เราเฉลิมฉลองวันอนามัยโลกด้วยเป้าหมายที่มีอยู่ในใจนั้น ไอเอสโอเพิ่งอนุมัติโครงการพัฒนาข้อกำหนดการประชุมเชิงปฏิบัติการสากล (International Workshop Agreement: IWA) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณภาพของสภาพแวดล้อมด้านการเรียนรู้ทางคลินิก

IWA ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้คือ IWA 35, Quality of clinical learning environments for healthcare professionals – Requirements ทั้งนี้ เพื่อเสนอแนวทางสากลในการทำให้มั่นใจในด้านสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ด้านคลินิกสำหรับผู้ที่กำลังฝึกฝนปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก รวมทั้งพยาบาลและผดุงครรภ์

แซลลี่ สวินจ์วูด ผู้ประสานงานของกลุ่มงานไอเอสโอที่พัฒนาเอกสารดังกล่าวระบุว่างานด้านพยาบาลและผดุงครรภ์นับเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของแรงงานด้านการดูแลสุขภาพในหลายประเทศ ซึ่งเมื่อประกอบกับการขาดแคลนมืออาชีพด้านการดูแลสุขภาพก็หมายความว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีบุคลากรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับประสบการณ์ด้านคลินิกซึ่งต้องมีอุปกรณ์ที่ดีเพื่อปรับใช้ตามความต้องการของคนไข้ที่มีอยู่หลากหลายอย่างกว้างขวาง

แซลลี่ สวินจ์วูด ได้ทำการปรับปรุงการฝึกฝนด้านการจัดให้มีการศึกษาเกี่ยวกับการพยาบาล แต่การอพยพเคลื่อนย้ายที่เพิ่มมากขึ้นทำให้มีความต้องการบุคลากรมืออาชีพด้านการดูแลสุขภาพมากขึ้นในวงกว้าง

ไอเอสโอยังได้พัฒนามาตรฐานอีกฉบับหนึ่งที่มีเป้าหมายในการสนับสนุนพยาบาลและผดุงครรภ์ระดับบริหารด้วย ได้แก่ มาตรฐาน ISO 22956, Healthcare organization management – Guidelines for patient-centered staffing ซึ่งมีเป้าหมายในการช่วยให้องค์กรด้านการดูแลสุขภาพมีการพิจารณาที่ดีที่สุดและเตรียมการด้านความสามารถของผู้ปฏิบัติงานด้านนี้รวมทั้งทรัพยากรที่จำเป็นซึ่งเกี่ยวข้องกับความต้องการของคนไข้

ดร.เวอโรนิกา มัสควิส เอ็ดเวิร์ดส์ ประธานคณะกรรมการวิชาการไอเอสโอที่รับผิดชอบมาตรฐานดังกล่าวระบุว่า COVID-19 ได้รับการประกาศว่าเป็นโรคระบาดระดับโลกซึ่งทั่วโลกมีความชื่นชมบุคลากรที่เป็นพยาบาลและผดุงครรภ์ผู้ซึ่งอุทิศตนและเสียสละในการทำงานเพื่อส่วนรวมและให้ความสำคัญในการดูแลคนไข้ในช่วงเวลาของการเกิดโรคระบาดนี้

มาตรฐานนี้ยอมรับว่าพยาบาลและผดุงครรภ์จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้านต่างๆ รวมทั้งทรัพยากรอย่างเพียงพอเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลซึ่งแนวทางที่ให้ความสำคัญกับคนไข้เป็นหลักนั้นจะมีส่งผลดีต่อการดูแลคนไข้อย่างมีคุณภาพด้วยความปลอดภัย

เมื่อ IWA และ ISO 22956 ได้รับการเผยแพร่แล้ว เอกสารทั้งสองฉบับนั้นจะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพร่วมกับมาตรฐานไอเอสโอฉบับอื่นต่อไป

มาตรฐาน ISO 22956 ได้รับการพัฒนาโดยคณะกรรมการวิชาการ ISO/TC 304, Healthcare organization management โดยมีเลขานุการคือ ANSI ซึ่งเป็นสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา

ที่มา: https://www.iso.org/news/ref2499.html